เมื่อธุรกิจขนาดเล็กเติบโตขึ้น การมีตัวตนบนโลกออนไลน์จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้จะเจาะลึกวิธีการที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่กำลังมองหาช่องทางใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจ สามารถสร้างเว็บไซต์ของตัวเองได้ในราคาที่เหมาะสม โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
ธุรกิจเล็กก็มีเว็บไซต์ได้: จุดเริ่มต้นที่ไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ
ในอดีต การสร้างเว็บไซต์อาจเป็นเรื่องที่ดูยุ่งยากและมีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีเครื่องมือและแพลตฟอร์มมากมายที่ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือ ประหยัดงบประมาณ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านค้าเล็กๆ, ธุรกิจบริการ, หรือแม้แต่ธุรกิจรับเหมาขนาดเล็ก ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น
1. ความสำคัญของเว็บไซต์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องมีเว็บไซต์ ในเมื่อมีโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว คำตอบคือ เว็บไซต์เปรียบเสมือนบ้านของคุณบนโลกออนไลน์ เป็นพื้นที่ที่คุณสามารถควบคุมข้อมูลได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดสินค้าและบริการ, เรื่องราวของแบรนด์, แผนที่ร้านค้า, หรือแม้แต่ช่องทางการติดต่อ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมเหมือนในโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ มืออาชีพ และ น่าเชื่อถือ ให้กับธุรกิจของคุณ ลองจินตนาการว่าลูกค้ากำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณบน Google ถ้าคุณมีเว็บไซต์ที่ดูดีและให้ข้อมูลครบถ้วน ย่อมสร้างความประทับใจได้มากกว่าการมีแค่เพจบน Facebook อย่างแน่นอน
2. เลือกแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสม: ทางเลือกสำหรับธุรกิจ SME
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์มากมาย แต่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการประหยัดงบประมาณและไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด แพลตฟอร์มประเภท Website Builder เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
- WordPress: เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยความยืดหยุ่นสูง มีปลั๊กอินและธีมให้เลือกมากมาย แต่ก็อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควร
- Wix และ Squarespace: เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายมาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการสร้างเว็บไซต์แบบลากและวาง (Drag-and-Drop) ได้อย่างรวดเร็ว
- Shopify: สำหรับธุรกิจที่เน้นการขายสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ มีระบบจัดการร้านค้าและระบบชำระเงินในตัวที่ครบครัน
สำหรับบทความนี้ เราจะเน้นไปที่การใช้ WordPress เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความยืดหยุ่นสูงสุดและมีชุมชนผู้ใช้งานขนาดใหญ่คอยให้ความช่วยเหลือ
ขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองสำหรับธุรกิจ SME
การสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองอาจดูน่ากลัว แต่ถ้าแบ่งออกเป็นขั้นตอนเล็กๆ จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก
ขั้นตอนที่ 1: การจดชื่อโดเมน (Domain Name) และเช่าโฮสติ้ง (Hosting)
ชื่อโดเมนคือชื่อเว็บไซต์ของคุณ เช่น www.yourbusinessname.com
และโฮสติ้งคือพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ
- ชื่อโดเมน: ควรเลือกชื่อที่สั้น กระชับ จดจำง่าย และเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ราคาโดเมนจะอยู่ที่ประมาณ 300 – 500 บาทต่อปี
- โฮสติ้ง: ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือและมีบริการลูกค้าที่ดี ราคาโฮสติ้งจะเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 – 3,000 บาทต่อปี สำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็ก
คำแนะนำ: ผู้ให้บริการโฮสติ้งส่วนใหญ่จะมีการติดตั้ง WordPress ให้คุณอัตโนมัติ ทำให้คุณไม่ต้องทำเอง
ขั้นตอนที่ 2: ติดตั้ง WordPress และเลือกธีม (Theme)
หลังจากติดตั้ง WordPress แล้ว คุณจะต้องเลือก ธีม ซึ่งเป็นโครงสร้างและหน้าตาของเว็บไซต์ ธีมฟรีก็มีให้เลือกมากมาย แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์ที่ครบถ้วนและหน้าตาที่สวยงาม ธีมแบบพรีเมียม (Premium) ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1,500 – 2,500 บาท (จ่ายครั้งเดียว)
ขั้นตอนที่ 3: ออกแบบหน้าเว็บไซต์และเพิ่มเนื้อหา
เมื่อได้ธีมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการออกแบบหน้าเว็บไซต์และเพิ่มเนื้อหาที่สำคัญ
- หน้าแรก (Homepage): ควรเป็นหน้าสรุปภาพรวมของธุรกิจของคุณ
- หน้าเกี่ยวกับเรา (About Us): บอกเล่าเรื่องราวและที่มาของธุรกิจ
- หน้าสินค้า/บริการ (Products/Services): แสดงรายละเอียดสินค้าหรือบริการที่คุณมี พร้อมราคาและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- หน้าติดต่อเรา (Contact Us): ใส่ข้อมูลการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, ที่อยู่, และแผนที่
เทคนิคการทำ SEO พื้นฐานสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
การมีเว็บไซต์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คุณต้องทำให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอด้วย และนี่คือบทบาทของการทำ SEO (Search Engine Optimization)
1. การวิจัยคำหลัก (Keyword Research)
ลองคิดว่าลูกค้าจะใช้คำว่าอะไรในการค้นหาธุรกิจของคุณบน Google เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน”, “ช่างซ่อมประปา”, หรือ “รับเหมาสร้างบ้าน” จากนั้นนำคำเหล่านี้มาใช้ในเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ
2. การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ
เขียนบทความหรือบล็อกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า เช่น “เคล็ดลับการดูแลสวน”, “วิธีการเลือกกาแฟที่ดีที่สุด” เนื้อหาเหล่านี้จะช่วยดึงดูดลูกค้าเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ
3. การสร้างลิงก์ (Link Building)
พยายามให้เว็บไซต์อื่นที่มีความน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของ Google
สรุปงบประมาณที่ไม่บานปลาย: สิ่งที่คุณต้องลงทุน
- ค่าจดโดเมน: ประมาณ 300 – 500 บาทต่อปี
- ค่าเช่าโฮสติ้ง: ประมาณ 1,000 – 3,000 บาทต่อปี
- ค่าธีม (ถ้าเลือกแบบพรีเมียม): ประมาณ 1,500 – 2,500 บาท (จ่ายครั้งเดียว)
รวมแล้วคุณอาจต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงประมาณ 3,000 – 6,000 บาทเท่านั้น! และหลังจากนั้นจะมีเพียงค่าใช้จ่ายรายปีสำหรับโดเมนและโฮสติ้ง ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงเลยสำหรับประโยชน์ที่คุณจะได้รับ
การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปสำหรับธุรกิจ SME คุณสามารถเริ่มต้นได้ในราคาที่เหมาะสมและไม่ต้องใช้เวลามากนัก และเมื่อคุณเริ่มลงมือทำ คุณจะพบว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณในระยะยาวอย่างแน่นอน